รูปแบบการจัดการความรู้
รูปแบบการจัดการความรู้
(ธีระพล มโนวรกุล, 2551) ความรู้ในองค์กรนับเป็นทุนที่สำคัญจึงต้องมีการจัดการความรู้ที่เหมาะสม
ดังนั้นองค์กรต้องเลือกรูปแบบการจัดการความรู้ที่เหมาะสมกับองค์กรของตัวเอง เพื่อที่จะได้นำรูปแบบนั้นมาประยุกต์ใช้จัดการกับความรู้นั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
การที่องค์กรจะเลือกรูปแบบของการจัดการความรู้มาใช้นั้นองค์กรจะต้องศึกษารูปแบบของการจัดการความรู้ต่างๆ
มาเปรียบเทียบกันและ นำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมรูปแบบการจัดการความรู้ขององค์กรก็มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน
โดยมีรายละเอียดดังนี้
การเรียนรู้แบบ วงลูปเดียว (Single
Loop Learning) การเรียนรู้ในแบบนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อองค์กร
เผชิญหน้ากับปัญหาและความผิดพลาดทางการจัดการให้มุ่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
โดยมีการเรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการสะสมการเรียนรู้
การเรียนรู้แบบลูปซ้อน (Double
Loop Learning) เป็นการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาและสนับสนุนการ
ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิผลซึ่งเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ซึ่งก่อให้เกิดการสร้างการเรียนรู้และเป็นที่มาของแบบจำลองธุรกิจใหม่ที่สอดคล้องกับความซับซ้อนของการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการแข่งขัน
การเรียนรู้แบบลูปสามชั้น (Triple
Loop Learning) เป็นการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาหลักการใหม่ที่
องค์การสามารถนำไปดำเนินการในขั้นต่อไป
รูปแบบการจัดการความรู้ในประเทศไทย
รูปแบบการจัดการความรู้ในประเทศไทย
มีหลากหลายรูปแบบด้วยกันแต่การนำมาใช้นั้นองค์กรต่างๆก็มีการประยุกต์ใช้เพื่อให้เหมาะสมกับองค์กรของตัวเองในครั้งนี้จะกล่าวถึงรูปแบบการจัดากรความรู้ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย
2 รูปแบบ คือ Tuna Model และ Xerox
Model และอีก 1 รูปแบบทีจะกล่าวถึงเป็น Model
ที่น่าสนใจที่คิดค้นและพัฒนาโดยคุณณัฐพล รำไพ คือ i-cando
Model โดยมีรายละเอียดของแต่ละรูปแบบดังนี้
1.
Tuna Model
(สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม,
2548) แนวคิดรูปแบบการจัดการความรู้ ของสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม
(สคส.) ในรูปแบบปลาทูนั้น มีแนวคิดที่ว่า ปลาทู 1 ตัวมีการแบ่งออกเป็น
3 ส่วน ซึ่งจะอธิบายว่าแต่ละส่วนคืออะไรมีความสำคัญอย่างไร
เป้าหมาย (ส่วนหัวปลา) หรือ KV
(Knowledge Vision) ส่วนหัวที่ทำหน้าที่มองหาเส้นทางที่เดินทางไป แล้วคิดวิเคราะห์ว่า
จุดหมายอยู่ที่ไหนต้องว่ายแบบใดไปในเส้นทางไหน และไปอย่างไร
ในที่นี้เราจะเปรียบเป็น การบ่งชี้ความรู้ (Knowledge Identification)ก่อนที่เราจะทำงานอะไรซักอย่างเราต้องรู้ก่อนว่าเราต้องการอะไร
จุดหมายคืออะไร และต้องทำอย่างบ้าง
ส่วนกิจกรรม (ตัวปลา) หรือ KS
(Knowledge Sharing) ส่วนลำตัวที่มีหัวใจของปลาอยู่ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย
ในที่นี้เราจะเปรียบเป็น การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ (Knowledge Sharing) คือเราจำเป็นต้องสร้างบรรยากาศที่เกิดการเรียนรู้เพื่อให้คนเข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน
ส่วนการจดบันทึก (หางปลา) หรือ KA
(Knowledge Access) หางปลา
ทำหน้าที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดการเคลื่อนที่ไป เปรียบเสมือนการเข้าถึงความรู้ (Knowledge
Access) หรือ คลังความรู้ ที่ได้จากการเก็บสะสมความรู้ที่มาจากการแลกเปลี่ยนความรู้
ซึ่งความรู้เหล่านี้อาจอยู่ในรูปแบบเอกสารหรือ
คู่มือต่างๆโดยทุกส่วนนั้นมีความสำคัญ และ
เชื่อมโยงถึงกันเพื่อให้การจัดการความรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพหากส่วนใดที่ทำแล้วบกพร่องหรือไม่ชัดเจนก็จะส่งผลกระทบต่อส่วนอื่นๆ
ตามมาด้วย
]
2.
Xerox Model
(ศรีไพร
และเจษฎาพร, 2549) รูปแบบของการจัดการความรู้
เป็นรูปแบบที่บริษัท Xerox Corporation ในประเทศสหรัฐอเมริกามีการนำมาใช้อย่างประสบความสำเร็จ
(ตามแนวคิดของ Mr. Robert Osterhoff) และมีหลายองค์การในประเทศไทยที่มีการนำรูปแบบนี้มาเป็นกรอบแนวคิดในการจัดการความรู้
ประกอบด้วยกระบวนการดังนี้
- การจัดการการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรม
(Transition and Behavior Management) สร้างวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมจะต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหาร
และความร่วมมือของบุคลากรทุกระดับ
- การสื่อสาร (Communication)
องค์การต้องมีการวางแผนการสื่อสารอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง
และสม่ำเสมอ โดยคำนึงถึงเนื้อหา กลุ่มเป้าหมาย รวมถึงช่องทางในการสื่อสาร
- กระบวนการและเครื่องมือ
(Process and Tools) มีกระบวนการและเครื่องมือที่เหมาะสม และเอื้อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ในองค์การ
- เรียนรู้ (Learning)
เป็นการเตรียมความพร้อม สร้างความเข้าใจเพื่อให้บุคลากรตระหนักถึงความสำคัญในการจัดการความรู้
รวมถึงจัดการฝึกอบรมที่เหมาะสมให้กับบุคลากร
- การวัดผล (Measurements)
เลือกการวัดผลเพื่อให้ทราบถึงสถานะ ความคืบหน้า และผลที่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่
อย่างไร ซึ่งจะช่วยให้องค์การสามารถทบทวน และปรับปรุงกระบวนการต่าง
ๆเพื่อให้บรรลุเป้าหมายจองการจัดการความรู้
- การยกย่องชมเชยและให้รางวัล
(Recognition and Rewards) มีการยกย่องชมเชย และระบบการให้รางวัลเพื่อจูงใจให้บุคลากรเข้าร่วมกิจกรรมโดยเป้าหมายของการจัดการความรู้จะถูกกำหนดให้สอดคล้องกับทิศทางในการดำเนินธุรกิจ
และ เชื่อมโยงกับกลยุทธ์ทางธุรกิจขององค์กร
3. I - Cando Model
(ณัฐพล รำไพ,
2544) รูปแบบการจัดการความรู้ผ่านเว็บที่เสริมสร้างสมรรถนะของนักศึกษาครู
เป็นการนำเอาแนวคิดและหลักการของการจัดการความรู้(Knowledge Management) และการเรียนรู้ผ่านเว็บ (Web-based Learning) มาผสมผสานกับแนวคิดพื้นฐานการเรียนรู้ที่เน้นกิจกรรมผ่านเว็บ
เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของผู้เรียน (Competency) โดยต้นแบบดังกล่าวได้พัฒนาขึ้นอย่างเป็นระบบ
(Systematic Approach) อันประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ หลัก ได้แก่ ปัจจัยนำเข้า (Input) กระบวนการ
(Process) และผลผลิต(Output)
ปัจจัยนำเข้า
เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของการเรียนรู้ผ่านเว็บ
(Elements of Web-based Learning) ซึ่ง
ประกอบด้วยองค์ประกอบย่อย 3 ด้าน
ได้แก่ ผู้เรียน (Student) ผู้สอน (Teacher) และปฏิสัมพันธ์
(Interaction) ทั้งนี้ลักษณะการเรียนรู้ดังกล่าวจะอาศัยความสามารถของเทคโนโลยีการเรียนรู้ผ่านเว็บ
3 ส่วนได้แก่ เทคโนโลยีการเรียนรู้ร่วมกัน (Collaboration
Technology) เทคโนโลยีการสื่อสาร (Communication Technology)
และเทคโนโลยีฐานข้อมูล (Storage Technology)
กระบวนการ
1.การค้นคิดและสรรค์สร้าง
(Creating) คือ กระบวนการสร้าง การกำหนด การแสวงหา การ
ดำเนินการ การจัดหา
และการกำหนดเป้าหมายหรือการนิยามความรู้ให้ชัดเจนเพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้
ขับเคลื่อนโดยกิจกรรมคิดค้นค้นหาตัวตน
2.การพิจารณาและคัดสรร
(Analyzing) คือ กระบวนการคิดวิเคราะห์ พิจารณาเลือกสรร
กลั่นกรอง
ความรู้ และการจัดประเภทหรือหมวดหมู่ความรู้
ขับเคลื่อนโดยกิจกรรมชุมชนคนสนใจ
3.การลองทำและนำไปใช้
(Nurturing) คือ กระบวนการนำเอาความรู้ที่หาได้มาจากการพิจารณา
และเลือกสรรความรู้ มาฝึกกระทำ หรือลองทำ และประยุกต์ใช้ความรู้ในทางปฏิบัติ
ซึ่งทำให้ความรู้ฝังลึก (TacitKnowledge) สามารถถ่ายโอนและปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นความรู้ชัดแจ้ง
(Explicit Knowledge)
4.การกระจายและแบ่งปัน
(Disseminating) คือ กระบวนการที่ได้จากการนำความรู้ไปลองทำ
และประยุกต์ใช้ความรู้แล้วมาแบ่งปัน แลกเปลี่ยน กระจาย และถ่ายโอนความรู้ร่วมกัน
ขับเคลื่อนโดยกิจกรรมชุมชนคนปฏิบัติ
5.การประเมินและปรับปรุง
(Optimizing) คือ
กระบวนการนำเอาความรู้ที่ได้จากการเผยแพร่แล้วมา
ประเมินและปรับปรุงด้วยตนเองเพื่อนำไปใช้ในการทำงานการแก้ไขปัญหา
หรือการตัดสินใจต่างๆ ขับเคลื่อนโดยกิจกรรมแบบอย่างปฏิบัติที่เป็นเลิศ
ผลลัพธ์
ประกอบด้วยการประเมินสมรรถนะการเรียนรู้ของผู้เรียน(Competency)
3 ด้าน ได้แก่ ด้านความรู้
(Knowledge) พิจารณาจากผลการประเมินตนเองของนักศึกษา (Knowledge
assessment) ด้านทัศนคติ
(Attitude)พิจารณาจากผลการประเมินทัศนคติของนักศึกษา (Attitude
assessment) และด้านทักษะ (Skill)พิจารณาจากผลการประเมินสมรรถนะการปฏิบัติงานของนักศึกษา
(Performance assessment)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น